ReadyPlanet.com
dot dot
bulletHome
dot
Group Menu
dot
bulletบริการของเรา
bulletสนทนาภาษาดนตรี
bulletสินค้าของเรา
bulletนานาสาระ
dot
Newsletter

dot
bulletgoogle.com
bulletpantip.com
bulletMahidol University
bulletวิทยาลัยดุริยางคศิลป์
bulletintranet.sasin.edu/thaimusicclub
bullethttps://www.facebook.com/smusichome




ดนตรีในงานประเพณีปอยหลวงที่วัดสันดอนมูล เชียงใหม่

ดนตรีในงานประเพณีปอยหลวงที่วัดสันดอนมูล  เชียงใหม่

 

รศ. ณรงค์ชัย  ปิฎกรัชต์

 

            ดนตรี  เป็นผลิตผลของมนุษย์ที่ปรุงแต่งขึ้นเพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ คุณค่าสำคัญของดนตรีมิได้อยู่เพียงที่ตัวเนื้องานดนตรีเท่านั้น  แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณค่าของดนตรีเกิดจากการนำเนื้องานนั้นมาปรุงเพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ – จิตใจและเชื่อมขยายไปสู่กิจกรรมอื่นๆ ที่มีอยู่ในสังคมของมนุษย์  ด้วยหลักการดังกล่าวนี้เองที่มนุษย์นำเอาดนตรีมาเป็นเครื่องบันเทิงใจและนำมาเพื่อการเฉลิมฉลอง  ก่อให้เกิดความชื่นชมยินดี   และสร้างสมานฉันท์ในกระบวนการทางสังคมและวัฒนธรรม

            ที่วัดสันดอนมูล  (บ้านแคว)  ตำบลท่ากว้าง  อำเภอสารภี  จังหวัดเชียงใหม่  เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ประกอบงานบุญใหญ่ขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 มีนาคม 2548  งานนี้มีชื่อเรียกว่างานปอยหลวง  งานลักษณะนี้จัดเป็นกิจกรรมทางสังคมที่มีความสำคัญของสังคมล้านนาแถบเชียงใหม่ ลำปาง  ลำพูน  แม่ฮ่องสอน  ฯลฯ  ดินแดนล้านนาบางท้องถิ่นอาจไม่ปรากฏประเพณีนี้ก็ได้  เช่น  แถบจังหวัดน่าน และเชียงรายบางส่วน  เป็นต้น  งานปอยหลวงนี้มิได้มีการจัดเหมือนอย่างงานเทศกาลประจำปี  การจัดงานปอยหลวงเกิดขึ้นเมื่อวัดใดวัดหนึ่งมีการก่อสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่ขึ้น  เช่น  โบสถ์  วิหาร  ศาลาการเหรียญ  กุฏิ  ฯลฯ  เมื่อสร้างสิ่งก่อสร้างนั้นสำเร็จเรียบร้อยแล้ว  คณะกรรมการวัด  คณะศรัทธา  และผู้ที่เกี่ยวข้องก็จะปรึกษาหารือเตรียมการจัดงานขึ้น  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองและถวายสิ่งก่อสร้างนั้นไว้ในบวรพระพุทธศาสนา

            คำว่าปอยนี้  รากศัพท์เป็นภาษาพม่า  ในหนังสือสารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคเหนือ  อธิบายว่า  พอย  (เมื่ออ่านให้ออกเสียงว่าปอย  ดังนั้นในบทความนี้จึงขอเลือกใช้ว่าปอยเท่านั้น)  คำว่า ปอย  นี้มาจากคำว่าปะเว  เลือนมาจากภาษาบาลีว่าปเวณี  (ประเพณี)  เมื่อภาษาล้านนานำมาใช้  มีความหมายว่าเป็นการจัดงานในวาระเฉลิมฉลองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  คำปอยนี้ยังแยกย่อยได้เป็น  ปอยหลวง  ปอยน้อย  ปอยลูกแก้ว  ปอยเข้าสังฆ์  ปอยส่างลอง  ฯลฯ  ดังนั้นการที่วัดสันดอนมูล  (บ้านแคว)  จัดงานปอยหลวงขึ้นจึงมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การเฉลิมฉลองพระเจดีย์ธาตุ  “สมใจนึก” 

            พระเจดีย์ธาตุสมใจนึก  เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นตามแบบศิลปะเจดีย์ธาตุทั่วไปของวัดต่างๆ  ของวัฒนธรรมล้านนา  องค์เจดีย์มีสีทองเหลืองอร่ามงดงามมาก  ฐานชั้นล่างมีรูปนักษัตรเรียงรายโดยรอบ  มีฉัตรสีทองขนาดใหญ่แบบเดียวกับฉัตรที่มีอยู่ตามมุมพระธาตุเจดีย์ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ  องค์เจดีย์ธาตุสมใจนึกตั้งอยู่ด้านหลังของพระวิหารใหญ่  โดยรอบเจดีย์ปักตุง  หรือธงตะขาบ  ตุงนี้ปักอยู่ทั่วทั้งวัด  และตามถนนเป็นแนวยาวก่อนเข้าวัดสันดอนมูล  ด้านหน้าพระวิหารเบื้องขวา  มีการตั้งหอพระอุปคุต มีพิธีบูชาเพื่อคุ้มครองงานปอยหลวง

            หอพระอุปคุตนี้มีความน่าสนใจมาก   เพราะวัดที่จัดงานปอยหลวงต้องสร้างหอนี้ขึ้นสำหรับตั้งเครื่องบูชา  ส่วนสำคัญที่อยู่ในหอนี้คือก้อนหินขนาดเขื่อง  ชาวล้านนามีความเชื่อว่าพระอุปคุตนี้คือพระอรหันต์องค์หนึ่ง  ท่านอาศัยอยู่ในทะเล  บางท่านอธิบายว่าท่านอยู่ที่สะดือทะเล  พระอุปคุตมีอิทธิฤทธิ์มากจริงๆ   ท่านเคยทำการปราบปรามพญามารมาก่อน  ก้อนหินขนาดเขื่องที่กล่าวถึงนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แทนพระอุปคุต  วิธีการอัญเชิญพระอุปคุตที่เป็นประเพณีต่อๆกันมาคือคณะศรัทธาต้องจัดขบวนแห่ไปยังแม่น้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้วัด  มีชายคนหนึ่งลงไปในแม่น้ำ  ดำงมเพื่อหาก้อนหิน  เมื่อได้ก้อนหินแล้วจึงชูขึ้นพร้อมกับร้องถามคนที่อยู่บนฝั่งแม่น้ำว่าสิ่งที่เขางมขึ้นมาได้นั้น  เป็นพระอุปคุตใช่หรือไม่  คนบนฝั่งก็ร้องบอกว่าไม่ใช่  ไม่ใช่  แสดงว่าสิ่งที่งมขึ้นมาผิด  ชายคนนั้นต้องดำลงไปในแม่น้ำอีก  2 – 3 ครั้ง  จนกระทั่งคนบนฝั่งร้องบอกว่าใช่แล้ว  คนที่ลงไปอยู่ในแม่น้ำจึงนำก้อนหินซึ่งเป็นสัญลักษณ์สมมุติแทนพระอุปคุต  จัดวางบนพาน  แล้วเข้าขบวนแห่นำไปตั้งวางในหอที่เตรียมไว้  ตั้งเครื่องบูชา  ดอกไม้ ธูปเทียน ปักช่อ  ตั้งสัปทน  ระหว่างงานมีการจัดถวายสังเวยทุกเช้าทุกเพล  เมื่อจัดงานปอยหลวงเสร็จสิ้นแล้วก็ทำการแห่อัญเชิญพระอุปคุตลงแม่น้ำตามเดิม

            ความยิ่งใหญ่ของงานปอยหลวงนี้  ท่านผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่ามิใช่มีบ่อยครั้งนัก  นานปีหรือหลายๆ ปี จึงมีสักครั้งหนึ่ง  ดังนั้นเมื่อมีการจัดงานปอยหลวงจึงมีการบอกกล่าวประชาสัมพันธ์ให้ทราบทั่วกัน  บรรดาบุตรหลานของบ้านที่จัดครัวทานต่างก็มาชุมนุมกัน  บ้านที่จัดเครื่องครัวทานมีการตั้งเต้นท์  จัดโต๊ะอาหารต้อนรับแขกเหรื่อ ระดมเงินทำบุญ ครัวทานมีขนาดใหญ่เล็กแตกต่างกันไป  นอกจากบ้านที่เป็นส่วนของคณะศรัทธาแล้ว  บรรดาวัดต่างๆ โดยรอบ  ทั้งต่างตำบล  ต่างอำเภอ  ต่างก็จัดขบวนครัวทานสำหรับนำไปถวายและร่วมงานจำนวนมาก  เฉพาะวัดที่เรียกกันว่าหัววัดนั้น  ในงานปอยหลวงของวัดสันดอนมูลครั้งนี้มีจำนวนที่แจ้งล่วงหน้าถึง  251 หัววัด  นอกจากวัดต่างตำบลและอำเภอแล้ว  วัดที่อยู่อีกจังหวัดหนึ่งคือจังหวัดลำพูนก็ยกขบวนครัวทาานร่วมด้วยอีกหลายวัด  เพราะวัดสันดอนมูลอยู่ในพื้นที่ชายแดนของอำเภอสารภี  จังหวัดเชียงใหม่มีเขตต่อเขตกับจังหวัดลำพูน ผมขออธิบายเกี่ยวกับคำว่าหัววัดเพิ่มเติมเพราะคำว่าหัววัดนี้ในวัฒนธรรมของชาวล้านนามีความผูกพันกับการบำรุงพระพุทธศาสนา  แต่ละวัดจึงมีคณะศรัทธารวมกลุ่มบุคคลที่เป็นพุทธศาสนิกชนเพื่อทำหน้าที่ดูแลและอุปถัมภ์วัด  ถือเป็นความสำคัญอันดับแรกๆ  กรณีที่มีบุคคลที่เป็นคณะศรัทธาของวัดแห่งหนึ่งแล้ว  แต่มีความประสงค์จะทำบุญให้แก่วัดอื่นๆ ก็สามารถกระทำได้ไม่จำกัด  ในขณะที่วัดแต่ละแห่งก็สร้างเครือข่ายเป็นระบบ  เชื่อมโยงความสามัคคี  วัดแห่งใดแห่งหนึ่งเมื่อมีกิจกรรมงานบุญ  วัดในเครือข่ายจึงนำคณะศรัทธาของตนแห่แหนไปร่วมกิจกรรมนั้นๆ ไม่ให้ขาดหายจากกัน  เช่น  เมื่อวัดแห่งหนึ่งจัดงานปอยหลวงก็นำครัวทานไปร่วม  วัดที่จัดครัวทานนี้เรียกว่าหัววัด  งานปอยหลวงจึงมีหัววัดไปร่วมงานมากมายดังพบเห็นในงานปอยหลวงของวัดสันดอนมูล

            ที่บ้านของครอบครัวภักดีซึ่งเป็นคณะศรัทธาของวัดสันดอนมูลได้จัดขบวนครัวทานด้วย  ผมได้รับเชิญจากว่าที่ร้อยตรีนิรันดร์  ภักดี ให้ไปร่วมงานครั้งนี้พร้อมกับคุณกิจชัย  ส่องเนตร ลักษณะของครัวทานที่ครอบครัวภักดีจัดนี้มีศัพท์ในท้องถิ่นเรียกว่าครัวทานหัวบ้าน โดยความหมายก็คือเป็นครัวทานของชาวบ้านที่ร่วมกันจัดขึ้นเฉพาะส่วน  นอกจากร่วมทำบุญเข้าเป็นส่วนหนึ่งของครัวทานแล้ว ผมได้รับประทานอาหารพื้นบ้านที่เจ้าภาพจัดเลี้ยง  ผมได้มีโอกาสศึกษาการตั้งเครื่องบูชาท้าวจตุโลกบาลที่บ้านงานแห่งนี้ด้วย  การตั้งเครื่องบูชานี้ชาวบ้านเรียกว่า  ต๊าวตังสี่   หรือท้าวทังสี่  (ไม่เรียกว่าท้าวทั้งสี่) ต๊าวตังสี่ท่านเป็นเทพรวม 4 องค์ ทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของมนุษย์ตามทิศทั้งสี่ทิศรอบเขาพระสุเมรุ   ประกอบด้วย

ทิศเหนือ            มีท้าวเวสสุวรรณ  บางแห่งเรียกว่าท้าวกุเวรหรือไพสรพณ์  ทำหน้าที่ดูแลรักษา

ทิศตะวันออก      มีท้าวธตรฐะ        ทำหน้าที่ดูแลรักษา

ทิศใต้                มีท้าววิรุฬหกะ      ทำหน้าดูแลที่รักษา

ทิศตะวันตก       มีท้าววิรูปักขะ      ทำหน้าที่ดูแลรักษา

ท้าวจตุโลกบาลหรือท้าวทังสี่มีพระอินทราธิราชเป็นประธาน  มีธรรมเนียมของชาวล้านนาถือปฏิบัติสืบต่อกันมาว่า  เมื่อมีการจัดงานมงคลทั้งหลาย  ต้องทำพิธีขึ้นท้าวทังสี่ เสมอ เช่น  งานขึ้นบ้านใหม่  งานแต่งงาน  งานบวชนาค  งานปอย  ฯลฯ  การบูชานี้มีความมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลและเป็นการอัญเชิญท่านมาป้องกันภยันตรายทั้งปวง 

            การทำเครื่องสังเวยท้าวจตุโลกบาลที่บ้านภักดีจัดทำขึ้น  มีการตั้งเสาขึ้น 5  ต้น  ต้นกลางสูงกว่าต้นทั้ง 4  มีกระทงเครื่องบูชา  6  กระทง  ตรวจสอบข้อมูลแล้วทราบว่า  เครื่องบูชาจัดไว้อย่างละ 4  หมายความว่าใน 1 กระทง  ประกอบด้วย  ข้าว 4 คำ  อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์  4 ชิ้น  แกง 4 ที่  ดอกไม้ ธูป เทียน 4 ชุด  ฯลฯ  มีช่อตกแต่ง ช่อนี้ก็คือธงสามเหลี่ยมขนาดเล็ก  มีเสาไม้ขนาดเล็กสำหรับติดช่อ  แต่ละกระทงละมีช่อ 4 อัน  ช่อแต่ละกระทงใช้สีแตกต่างกันไป  คือ  ช่อสีเขียวสำหรับพระอินทร์  ช่อสีขาวสำหรับท้าวธตรฐะ  ช่อสีเหลืองสำหรับท้าววิรูฬหกะ    ช่อสีแดงสำหรับท้าววิรูปักขะ  ช่อสีดำ สำหรับท้าวกุเวร  ส่วนนางธรณีใช้ช่อสีขาว  เมื่อพิจารณาส่วนต่างๆ ที่ผมกล่าวมานี้  จำนวนเครื่องบูชาจึงปรากฏว่ามี 6 กระทง  ขอขยายอธิบายว่าเสา 4 ต้นนั้น  ปักตั้งตามทิศทั้งสี่สำหรับบูชาท้าวจตุโลกบาล  เสากลางมีส่วนสูงกว่าเป็นเสาที่จัดตั้งเครื่องสำหรับบูชาพระอินทราชาธิราช  ตรงกลางกระทงทำฉัตรขนาดจิ๋วสีเขียวปักกลางกระทง  ที่ด้านล่างของเสากลางเป็นกระทงที่วางอยู่บนพื้นดินสำหรับบูชานางธรณี 

            วันสำคัญของงานปอยหลวงคือวันสุดท้ายของงาน  ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2548  ตอนกลางวันที่วัดมีการจัดอาหารเลี้ยงชาวบ้านที่ไปร่วมงานอย่างทั่วถึง  ในความเป็นจริงแล้วมีอาหารเลี้ยงรับรองทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็นตลอดงาน  มุมหนึ่งของวัดมีการแสดงลิเก  วงดนตรีที่บรรเลงประกอบการแสดงมีเพียงระนาดเอก 1 ราง  กลองและฉิ่ง  ร้องและดำเนินเรื่องอย่างลิเกภาคกลาง  มีความแตกต่างที่การเจรจาดำเนินเรื่องของตัวแสดงใช้ภาษาถิ่นที่เป็นคำเมือง  ให้สีสันและเสน่ห์พื้นบ้านเพราะสามารถสื่อกับชาวบ้านได้อย่างสนิทสนม  ช่วยให้ศิลปะการแสดงประเภทนี้ได้รับความสนใจจากชาวบ้านอย่างมาก 

            ที่เต็นท์ด้านหน้าวิหารใหญ่  มีวงตึ่งโนงนั่งบรรเลงอยู่  มีฆ้อง 5 ใบ แขวนกับคานไม้  มีตะหลดปด 1 ใบ  กลองแอว 1 ใบ  สว่าขนาดใหญ่  1 คู่  ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องดนตรีหลักที่พบเห็นทั่วไปในวัฒนธรรมดนตรีล้านนา  บางท้องถิ่นเรียกชื่อวงตึ่งโนงนี้แตกต่างกันไป  เช่นในจังหวัดลำปางเรียกว่าวงต๊กเส้ง  หากวิเคราะห์ตามการเรียกชื่อเป็นแนว  ทั้งตึ่งโนงและต๊กเส้ง  ใช้ชื่อเรียกตามเสียงที่เกิดขึ้นจากการบรรเลงเครื่องดนตรีในวง คือ  เสียงตึ่ง – กลองแอว  โนง – ฆ้อง  ต๊ก – ตะหลดปด เส้ง – สว่า  ชื่อของวงดนตรีทั้งสองมิได้สร้างความแปลกแยกของคนในสังคมล้านนา  เพราะความหมายที่ฝากแฝงไว้ในวงดนตรีชนิดนี้อยู่ที่การสื่อเสียงแสดงความชื่นชมยินดี  ปิติกับการประกอบบุญของชาวบ้าน  วงตึ่งโนงของวัดสันดอนมูลประโคมเป็นระยะตลอดงาน  ทั้งกลางวันและกลางคืน  ไม่มีข้อจำกัดว่าเสียงประชาสัมพันธ์ของทางวัดกำลังดำเนินอยู่  หรือมีเสียงของวงดนตรีที่ทางวัดเปิดเทปเสียง  หรือเสียงลักษณะอื่นๆ ที่ดังแทรกเข้ามา  ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตน

            ด้านหน้าของวัดสันดอนมูลมีผามตั้งวงปี่พาทย์พื้นบ้านล้านนาที่เรียกว่าวงป้าดฆ้อง ชาวบ้านออกเสียงว่าป้อดก๋อง  ผามอื่นๆ  ภายในวัดมีผามที่จัดสำหรับการแสดงพื้นบ้าน  ผามสำหรับวงดนตรีแนวดนตรีสากล  คำว่าผามนี้คือเวทีแสดงยกพื้น  ขนาดใหญ่ เล็ก  กว้าง  ยาว  ตามความเหมาะสมของการแสดง  วงป้าดฆ้องนี้เป็นวงดนตรีที่นิยมจัดหาไปบรรเลงในงานปอย  และงานประจำปีทั่วไปเช่นเดียวกับวงตึ่งโนง ในงานปอยหลวงนี้คณะป้าดฆ้องชื่อสหายศิลป์  เป็นคณะดนตรีจากบ้านหมู่ที่ 5  ตำบลหนองแฝก  ตำบลหนองแฝก  อำเภอสารภี  จังหวัดเชียงใหม่  นั่งบรรเลงอยู่บนผาม  ในปี พ.. นี้วงป้าดฆ้องซึ่งศิลปินเรียกตัวเองว่าคณะแห่พื้นเมืองประยุกต์ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอแตกต่างไปจากเมื่อครั้งอดีต  เพราะการประสมวงดนตรีของวงป้าดฆ้อง  ประกอบด้วย  แน  ระนาดเอก  ระนาดทุ้ม  ฆ้องวงเมือง  เต่งทึง  สิ้ง  และสว่า  ขยายความเพิ่มเติมก็คือ  แนคือปี่  ฆ้องวงเมืองมีลักษณะอย่างฆ้องวงใหญ่ แต่ขอบฉัตรสั้นกว่า  เป็นฆ้องแบบฆ้องพม่าแต่ทำวงฆ้องอย่างฆ้องไทย  เต่งทึงมีลักษณะเช่นเดียวกับตะโพนมอญ  สิ้งคือฉิ่ง  ส่วนสว่าคือฉาบใหญ่  ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือการนำเครื่องดนตรีสากลจำนวนมากเข้ามาประสมวงบรรเลง  เช่น  กลองชุด  อิเล็กโทน  กีตาร์  เครื่องเสียงขนาดใหญ่  เพลงที่นำมาบรรเลงมีทั้งเพลงพื้นบ้านและเพลงสากลทั่วไป  การฟังเพลงของวงป้าดฆ้องในงานมิได้ช่วยให้ได้รับอรรถรสบทเพลงใดๆ นัก เพราะวงป้าดฆ้องมิได้ทำหน้าที่ดังกล่าวเพื่อการฟัง  แต่ทำหน้าที่ประโคมงานมากกว่า

            เวลาเย็นช่วงแดดร่มลมตก  ร้านค้าที่ตั้งรายรอบวัดเริ่มมีผู้คนทยอยเข้าไปอุดหนุน เจ้าหน้าที่ของอบต. และอาสาสมัครต่างๆ   เข้ามาประจำตามแนวถนนหน้าวัด  เพื่อช่วยกันจัดระเบียบของขบวนครัวทาน  มีทางเข้าวัด 2 ทาง  ด้านหนึ่งที่มีวงป้าดฆ้องและวงตึ่งโนงกำหนดให้เป็นทางเข้า  และเดินออกอีกด้านหนึ่ง  ขบวนครัวทานของหัววัด  ขบวนครัวทานของหัวบ้านแต่ละแห่งเริ่มทยอยเคลื่อนขบวนเข้าสู่บริเวณงาน  ครัวทานรูปทรงต่างๆ ทั้งแบบต้นเทียน  แบบบังแสง  หรือการตกแต่งเป็นช่อชั้น  ตามที่เห็นว่างามได้สร้างความหลากหลายและสวยงาม  ตัวครัวทานนั้นติดหรือปักธนบัตรราคาต่างๆ เหมือนกองผ้าป่า  มีความแตกต่างที่การตกแต่งรูปทรง  ขบวนครัวทานบางขบวนสั้นๆ เรียบง่าย  มีผู้ชายสูงอายุแต่งกายเรียบร้อย  บางคนแต่งชุดขาว  ถือพานนำ  บางขบวนมีวงกลองยาวที่ชาวบ้านเรียกว่าวงกลองสิ้งหม้องตีนำขบวน พร้อมๆ กับการรำหน้าขบวน  บางขบวนมีวงกลองมองเซิง  อย่างครัวทานของครอบครัวภักดี  ก่อนออกจากบ้านงาน  มีการเชิญครัวทาน จัดวางตำแหน่งคนถือจตุปัจจัย  และเครื่องบูชา  มีพระสงฆ์  จากขบวนวัดล่ามช้างมาสมทบ  วงกลองมองเซิงประกอบด้วยกลองมองเซิง  ฆ้องชุด  และฆ้องเดี่ยว  สว่า ประโคมสักช่วงระยะหนึ่ง  เมื่อได้เวลาจึงเคลื่อนออกจากบ้าน  เคลื่อนไปยังวัดสันดอนมูล  ได้บรรยากาศมากและเป็นหนึ่งในขบวนแห่ที่ยังคงความเป็นศิลปะพื้นบ้านไว้อย่างสมบูรณ์  เพราะไม่มีเครื่องดนตรีนอกวัฒนธรรมเจือเข้าไปเหมือนกับขบวนอื่นๆ อีกหลายขบวน

            ชาวบ้านอธิบายให้ฟังว่าในสมัยก่อนนั้นเมื่อทราบว่าจะมีงานปอยหลวง  ตามวัด  หรือตามบ้านที่สามารถรวบรวมหญิงสาวได้  จะมีการฝึกซ้อมการฟ้อนเล็บ หรือฟ้อนแห่นำขบวนครัวทาน  มีวงตึ่งโน่งบรรเลงนำ  ขบวนครัวทานจากหัววัดหลายวัดมีคณะศรัทธาจำนวนมากแห่แหนกัน  มีรถบรรทุกเครื่องเสียงขนาดใหญ่  เสียงกระหึ่มดังผสมกับเสียงร้องเพลงสมัยนิยม  หนุ่มๆ สาวๆ ร้องรำหน้าขบวนอย่างสนุกสนาน  ทยอยเข้างานตั้งแต่ยามเย็นไปจนค่ำ  ยิ่งค่ำยิ่งมืดเสียงอึกทึกยิ่งดังและดังจนไม่สามารถพูดคุยกันรู้เรื่อง  เพราะจำนวนเครื่องเสียงมีหลายสิบคันรถ  บางขบวนตกแต่งแสงสีเจิดจ้า  ไฟหมุนไฟกระพริบแบบดิสโก้เธ็ค  ช่วงนี้เสียงประโคมของวงตึ่งโนง  วงกลองมองเซิง  วงกลองสิ้งหม้องลดหายและถูกกลืนไปในเสียงของเทคโนโลยีสมัยใหม่  ยกเว้นวงป้าดฆ้องคณะสหายศิลป์ที่ยังมีความดังสามารถสู้กับเสียงจากขบวนศรัทธาครัวทานหัววัดได้  เพราะมีเครื่องดนตรีไฟฟ้าและเครื่องไฟฟ้าที่เสมอกัน

            พิธีการสำคัญของงานปอยหลวงอยู่ที่คณะศรัทธาของหัววัดและคณะศรัทธาของหัวบ้านนำครัวทานและจตุปัจจัยไปถวายพระสงฆ์ที่ทางวัดจัดเต็นท์รอรับไว้  มีการถวายทาน  พระให้ศีลให้พร  เสร็จก็ถือเป็นการเสร็จกิจกรรมครัวทาน  ส่วนขบวนยังคงอยู่หรือเดินทางกลับก็ได้  แต่ส่วนใหญ่แล้วยังคงอยู่ประโคมร่วมงาน  มีขบวนครัวทานของหัววัด  251  หัววัด  และจากคณะศรัทธาหัวบ้านอีกไม่ทราบจำนวน  ดังนั้นตลอดช่วงต้นของค่ำคืนของงานบุญจึงเต็มไปด้วยขบวนครัวทานที่ทยอยเข้าสู่งานจนแน่นหนาไปด้วยญาติโยมพุทธศาสนิกชนและผู้ไปเที่ยวงาน 

            ดนตรีในงานปอยหลวงที่วัดสันดอนมูล  (บ้านแคว)  ครั้งนี้  เสียงประโคมจากวงดนตรีได้ทำหน้าที่เป็นสื่อให้กิจกรรมดำเนินไปด้วยความรื่นรมย์ในการบุญ  บทบาทหน้าที่ของดนตรีแสดงออกตามช่วงเวลาของกิจกรรม  โดยเฉพาะการทำหน้าที่เป็นดนตรีประโคมงาน  อรรถรสที่สัมผัสได้คือ  วงตึ่งโนงที่ประโคมในช่วงเช้าไปจรดบ่ายจนเมื่อช่วงหลังของยามบ่ายจึงมีขบวนครัวทานจากหัววัดอื่นๆ ที่นำเสียงเพลงจากเครื่องเสียงมาเปิดกลบเสียงวงตึ่งโนง  วงดนตรีที่ให้อรรถสของเสียงอีกวงหนึ่งคือวงกลองมองเซิงที่บรรเลงนำขบวนครัวทานจากบ้านไปสู่บริเวณงาน  ระหว่างทางไม่มีเสียงอื่นแทรกจึงทำให้ทั่วท้องถนนที่ปกครึ้มไปด้วยสวนลำไยซึ่งกำลังออกดอกสะพรั่ง  วงกลองมองเซิงจึงสร้างความงามของเสียง  เสริมสร้างเสน่ห์ทางศิลปะดนตรีล้านนาจนยากต่อการลบลืม  จนอยากกู่บอกชาวล้านนาว่านี่คือคุณค่าแท้จริงของดนตรีล้านนา.

 

 

ข้อมูลอ้างอิง

ณรงค์  สมิทธิธรรม.  วันที่  7  มีนาคม  2548.  ข้อมูลสนทนา.  ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.        

นิรันดร์  ภักดี.  วันที่ 6 – 7  มีนาคม  2548.  ข้อมูลสนทนา.  ที่บ้านในแคว  ตำบลท่าข้าม  อำเภอ

สารภี และที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.

ไพรินทร์  ณ วรรณา.  วันที่ 6  มีนาคม  2548.  ข้อมูลสนทนา.  ที่บ้านในแคว  ตำบลท่าข้าม  อำเภอ

สารภี  จังหวัดเชียงใหม่.

มังกร  สระศรี.  วันที่ 6 มีนาคม 2548.  ข้อมูลสนทนา.  ที่บ้านดำรงนิเวศน์  อำเภอเมืองเชียงใหม่.

มานพ  ภักดี  และสมาชิกครอบครัวภักดี. วันที่  6 มีนาคม 2548.  ข้อมูลสนทนา.  ที่บ้านในแควและ

ที่วัดสันดอนมูล. ตำบลท่าข้าม อำเภอสารภี  จังหวัดเชียงใหม่

มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย  ธนาคารไทยพาณิชย์.  (2542).  สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาค

เหนือ.  กรุงเทพมหานคร:  บริษัท สยามเพรส  แมเนจเม้นท์  จำกัด.

ประสิทธิ์  เลียวสิริพงษ์.  วันที่  7  มีนาคม  2548.  ข้อมูลเสวนาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.

วิเทพ  กันธิมา.  วันที่ 6  มีนาคม  2548.  ข้อมูลการสนทนา.  ที่บ้านเลขที่ 123  บ้านน้ำโท้ง  ตำบล

สบแม่ข่า  อำเภอหางดง  จังหวัดเชียงใหม่.

ศิลปินดนตรีพื้นบ้านในงานปอยหลวงที่วัดสันดอนมูล.  วันที่  6 มีนาคม 2548.  ข้อมูลสนทนา.

                        ­­­­­­                        -----------------------------------------

 

 

 

 

 

 

 

 




นานาสาระ

ขิมไทย : ขิมโลก
เขียนโน้ตดนตรีไทย ด้วยโปรแกรม Exel
วิธีการผูกสายขิม article
นัยสำคัญของเพลงพิธีกรรม
ดนตรีชนเผ่าที่เซกอง ประเทศลาว
เพลงพื้นบ้านบางเลน นครปฐม : พ่อเฒ่าบุญช่วง ศรีรางวัล
ทฤษฎีความสอดคล้องกับการวิจัยขั้นสูง
นัยดนตรีสร้างส่วนสัมพันธ์ของจิตให้สัมบูรณ์
คุณค่าสุนทรียรส และสัจจศิลป์ที่ปรากฏในบทเพลง
ศิลปินบรรเลงเพลงไพเราะยิ่ง
ภวารมณียะ ที่อยู่ในทำนองเพลง
ทฤษฎี 5 เกลียวรู้ : แนวการวิจัยภาคสนาม
บรรเลงเพลงพิธีกรรม
การวิวัฒนาการของกีตาร์คลาสสิก
การเล่นเพลงบรรเลงประโคม
ดนตรีบวงสรวงเทพารักษ์ : เจ้าพ่อขุนทุ่ง
ราชทินนามของนักดนตรีไทย
ภูมิบ้านภูมิเมืองกับการปกป้องมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ
ISMI : การประชุมดนตรีศึกษานานาชาติ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
โครงการภูมิบ้านภูมิเมือง article
การสัมมนาการศึกษาดนตรีระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย article
การศึกษาดนตรีไทย article
การถ่ายทอดดนตรีในสถานศึกษา article



บ้านดนตรีครูสมชาย 929/12 k akachai Rd., mahachai muang ,samutsakhon 74000. TEL.081-3330147 Copyright © 2015 All Rights Reserved.