ReadyPlanet.com
dot dot
bulletHome
dot
Group Menu
dot
bulletบริการของเรา
bulletสนทนาภาษาดนตรี
bulletสินค้าของเรา
bulletนานาสาระ
dot
Newsletter

dot
bulletgoogle.com
bulletpantip.com
bulletMahidol University
bulletวิทยาลัยดุริยางคศิลป์
bulletintranet.sasin.edu/thaimusicclub
bullethttps://www.facebook.com/smusichome




นัยดนตรีสร้างส่วนสัมพันธ์ของจิตให้สัมบูรณ์

นัยดนตรีสร้างส่วนสัมพันธ์ของจิตให้สัมบูรณ์

 

รศ.ณรงค์ชัย  ปิฎกรัชต์

 

            ดนตรี เป็นความมหัศจรรย์สากลของมนุษย์ที่สร้างสรรค์ขึ้น  มีวัตถุประสงค์เพื่อปรุงแต่งจิตวิญญาณของตนให้เอิบอิ่ม  ดนตรีเริ่มต้นจากความฉงนในความแตกต่างหลากหลายของเสียงที่ธรรมชาติให้มา  มนุษย์กลุ่มแรกๆ ได้พบความมหัศจรรย์  และไม่ทราบว่าทำไมจึงเกิดเสียงขึ้น  ทำไมเสียงจึงต้องดังมากสุดสุด  ดังมากมาก  ดังดัง  ดังแผ่วแผ่ว  ดังแล้วแผ่ว  แผ่วแล้วดัง  ดังขึ้นเองตามปรากฏการณ์ของธรรมชาติ  และดังเมื่อมนุษย์กระทำให้ดัง  ในที่สุดมนุษย์ก็ตั้งสมมุติฐานว่าผู้ทรงอำนาจเหนือธรรมชาติเป็นผู้สร้างเสียงขึ้น  เพื่อพิสูจน์สมมุติฐานที่ตั้งขึ้น  มนุษย์จึงสร้างทฤษฎีเพื่อใช้อธิบายสิ่งที่เป็นมหัศจรรย์สากลนั้น

 

            ทฤษฎีในความคิดของมนุษย์ก็คือ  เมื่อผู้ทรงอำนาจเหนือธรรมชาติสร้างเสียงขึ้นแล้ว ท่านก็ส่งผ่านไปยังจักรวาล  จากจักรวาลส่งต่อมายังถิ่นฐานอันกว้างใหญ่  แผ่ไกลไปทุกแห่งหน  เป็นอนุปรมาณูสภาวะที่สิ่งมีชีวิตไม่อาจสัมผัสได้  จนกระทั่งเป็นอภิมหากัมปนาทยากยิ่งต่อการสัมผัส  เสียงของทฤษฎีในความคิดนี้จึงเป็นสิ่งที่มีและไม่มี  เหมือนมีน้ำและมีอากาศ   เหมือนไม่มีน้ำและไม่มีอากาศ  มีว่างไม่มีว่าง  เป็นทฤษฎีของช่องว่างและความเต็ม  อำนาจเหนือธรรมชาติให้มาแล้วก็ทำลาย  ทำลายแล้วก็ให้มาอีก  ให้มากให้น้อย  ให้ครบให้ขาด  ให้เพราะความร้ายและให้เพราะความเมตตา  หมุนเปลี่ยนเวียนจรเช่นนี้  ความมหัศจรรย์นั้นจึงไม่อาจพบคำตอบได้อย่างทันทีทันใด  มนุษย์กลุ่มแรกๆ ของชุมชนในวัฒนธรรมหนึ่งๆ จึงสั่งสมความรู้ความคิดที่ได้รับจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า  ขณะเดียวกันสิ่งที่เรียกว่าภูมิปัญญาของมนุษย์ที่เกิดมีขึ้นก็ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง  เป็นตำราเรียนที่มีหน้าว่างไว้สำหรับจดบันทึกเพิ่มเติมต่อเนื่องกันต่อๆ  จนความจริงในจินตนาการเริ่มถักทอและปรากฏขึ้น 

 

            เสียงตามความจริงในจินตนาการ  ควรเริ่มต้นด้วยการตั้งตามคำถามวิจัยว่า  เสียงนั้นมีนัยต่อผู้ทรงอำนาจเหนือธรรมชาติอย่างไร  เสียงลักษณะใดมีผลต่อสรรพชีวิตในโลก  มีวิธีการใดบ้างที่มนุษย์ในฐานะของสิ่งมีชีวิตจะสำแดงซึ่งปฏิสัมพันธ์ต่อผู้ทรงอำนาจเหนือธรรมชาติได้  คำโตเชิงปรัชญาจึงเป็นคำถามที่ท้าทายนัก  หากผลของการศึกษาสามารถนำไปสู่การค้นพบคำตอบได้จริง  ผลที่ควรได้รับมากกว่านั้นย่อมคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง  ชีวิตที่อยู่ในอุ้งหัตถ์ของผู้ทรงอำนาจเหนือธรรมชาติก็ควรได้รับการผ่อนปรน  ได้รับการช่วยเหลือ  ดูแลรักษา  และให้ในสิ่งที่มนุษย์ควรได้  ได้ในสิ่งที่ได้รับ  รับในสิ่งพึงปรารถนาจากคำวิงวอนร้องขอ  เสียงในจินตนาการตามแนวคิดนี้เริ่มพัฒนาเข้าสู่จิตวิญญาณ  ปรากฏการณ์เชิงรูปธรรมของเสียงได้สร้างส่วนสัมพันธ์กับจิตวิญญาณเชิงนามธรรมอย่างสอดคล้องกลมกลืนกันและเป็นไปตามความหมายของโลกจินตนาการ   

            แรกเริ่มของการนำเสียงมาสร้างส่วนสัมพันธ์  อยู่ที่การสื่อสารกับโลกจินตนาการ  การเปล่งเสียงร้องพร้อมกับการตบมือ  กระโดดโลดเต้น  แสดงออกด้วยท่าทางและลีลามิได้กระทำเพื่อความรื่นเริงใดๆ   แต่ส่วนนี้คือความกล้าหาญต่อการกระทำ  เรียกร้องความสนใจ  ได้ผลต่อจิตใจบ้าง  ไม่ได้บ้าง  แต่ก็เป็นความพอใจเพราะได้ทำแล้วซึ่งสิ่งที่คิดว่าต้องทำ  เกิดความสุขว่าได้ทำ  แม้ว่าเป็นความสุขชั่วขณะของมนุษย์ก็ตาม  การค้นคว้าเรื่องเสียงของมนุษย์ดำเนินต่อไปโดยยุคสมัยของโลกดั้งเดิม  เป็นการค้นคว้าเชิงคุณภาพที่ยาวนาน  ขณะเดียวกันบุคคลที่เป็นเจ้าพิธีของกลุ่มชนในสังคมก็ก้าวเข้ามามีบทบาทเหมือนเพื่อคู่คิดมิตรคู่ใจ  เจ้าพิธีสร้างกลไกทางสังคม  สร้างบันไดความคิดเพื่อการติดต่อกับโลกจินตนาการ  เกิดอาถรรพณาการที่เป็นกิจพิธีกรรม  จนพัฒนาไปสู่ความเชื่อว่า  ตัวตนของตนนั้นคือร่างกลางของผู้มีสายสวรรค์  อยู่ท่ามกลางระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์อันเป็นแดนของผู้ทรงอำนาจเหนือธรรมชาติ  ตนและผู้มีเลือดร่วมสายเท่านั้นที่เป็นผู้ครอบครองวิธีการไปสู่อาถรรพณาการนั้นได้  นานนับหลายพันปีบนโลกดั้งเดิมที่รักษาแนวทฤษฎีนี้ไว้อย่างเชื่อมั่น  เชื้อของความเชื่อได้ฝังอยู่ในจิตที่ซับซ้อนของชนทุกเผ่าพันธุ์  เชื้อความเชื่อนี้เหมือนกันด้วยเชิงทฤษฎีความคิด  แต่ต่างกันด้วยความหลากหลายของขั้นตอนเชิงปฏิบัติ  ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยของกาลเวลา  ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดที่ไม่มีจิตวิญญาณที่พัฒนาจากความเชื่อเช่นนี้  การปฏิเสธย่อมยังไว้ด้วยความรู้ขาดตอนของกลไกความคิด   ที่เมื่อเริ่มคิดก็เริ่มปฏิเสธความเป็นตัวตนของรากเชื้อนามธรรมทั้งปวงนั้น

 

            วิถีดนตรีที่เกิดจากฐานทฤษฎีความจริงในโลกจินตนาการ  ปรากฏในวงวิชาการดนตรีปัจจุบันว่าเป็นดนตรีพิธีกรรม  ความเป็นดนตรีพิธีกรรมมีพื้นที่สำหรับปรับปรนให้เข้ากับชีวิตและจิตวิญญาณของคนร่วมยุคสมัย  เป็นการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีและมีคุณค่า  พัฒนาการของดนตรีพิธีกรรมในร่องของการปรับปรนได้สร้างความสมบูรณ์ของสิ่งที่ซ้อนอยู่ในความรู้สึกให้เกิดเป็นก้าวใหม่จนสามารถอยู่ร่วมกับทุกชีวิตได้  ความเป็นสากลของดนตรีพิธีกรรมขยายครอบคลุมความต่างของสังคมวัฒนธรรมให้ยอมรับความเป็นหนึ่งเดียวได้  มิติใหม่จึงอยู่ในแนวคิดที่ว่า  ดนตรีแห่งพิธีกรรม    แม้ไม่เรียกไม่ใช้ชื่อนี้  แต่บทบาทที่ดำเนินอยู่ก็ยังคงเป็นความหมายเดิมเสมอไป

 

            ในการวิเคราะห์เชิงมานุษยวิทยาด้วยทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่  ทฤษฎีมานุษยวัฒนธรรมสัมพันธ์  ทฤษฎีมานุษยดนตรีวิทยา  หรือทฤษฎีวัฒนธรรมอื่นๆ ต่างกล่าวถึงสภาวะของการดำรงวิถีชนที่มีการเปลี่ยนแปลงจากสภาวะหนึ่งไปยังอีกสภาวะหนึ่ง  มิได้ก้าวย่างไปตามธรรมชาติและกาลเวลาโดยยถากรรม  ความเป็นจิตวิวัฒน์ของมนุษย์นี้ได้สร้างสรรค์วิธีไว้ด้วยระเบียบพิธีกรรมของรอยต่อระหว่างสภาวะนั้นๆ  เป็นประกาศนียกรรมของสังคมวัฒนธรรม  ความรู้สึกสมบูรณ์ในจิตวิญญาณย่อมเกิดขึ้นกับบุคคลนั้น  เกิดการยอมรับร่วมกัน  ในสังคมดั้งเดิมของไทยหรือในสังคมที่ตั้งถิ่นฐานของดินแดนสุวรรณภูมิอันกว้างใหญ่เรียกสถานภาพจิตนี้ว่า “ขวัญ”  การรับขวัญเมื่อแรกเกิด  การปรับเปลี่ยนจากวัยเด็กเป็นวัยผู้ใหญ่  การแต่งงาน  การบวช  ขึ้นบ้านใหม่  ฉลองอาคารสถานที่  การเฉลิมฉลองวันตรุษ  วันชาติ  การจัดงานหรือทำบุญในโอกาสคล้ายวันเกิด  วันตาย  วันคล้ายวันตาย  สภาวะทั้งหลายต่างมีการหมุนเวียนเปลี่ยนมาถึง การสร้างขวัญ  บำรุงขวัญ  เสริมขวัญ การหวนหาขวัญเป็นการกระทำแล้วซึ่งความสำคัญให้บังเกิดขึ้น

 

            พิธีของประกาศนียกรรมแต่ละวิถีสังคม เป็นความสมบูรณ์ของจิต  มนุษย์ได้ผ่านขั้นตอนของการกระทำที่เป็นเบื้องต้นของปรากฏการณ์ทางกายภาพ  ด้วยพิธีทำขวัญเดือน พิธีโกนจุก  พิธีสุหนัต   สวมแหวนรับสภาพสามีภรรยา  หลั่งน้ำสังข์ให้บ่าวสาว    ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่เรียกกันเป็นสามัญว่าทำบุญเลี้ยงพระ   ยิงปืนสลุต   เดินแถวตรวจพลของกองทหารเกียรติยศ   รดน้ำศพของผู้วายชนม์  ทำบุญรวมญาติ  หรือที่เป็นกิจกรรมของชนชาวต่างวัฒนธรรมอื่นๆ  ความสมบูรณ์ที่อยู่บนความสมบูรณ์นั้นจึงอยู่ที่ปรากฏการณ์ทางนามธรรม  เป็นทิพยกรรมของจิตวิญญาณที่เรียกว่า “สัมบูรณ์”  คือมีความสมบูรณ์ยิ่ง  เติมเต็มในส่วนที่เต็มแล้วให้เปี่ยมล้นด้วยคุณค่าของความปีติยินดี  ในบทบาทหน้าที่เช่นนี้ได้แสดงความเด่นชัดว่า  ดนตรีคือความสัมพันธ์ที่เป็นความสัมบูรณ์นั้นโดยแท้  ดนตรีที่บรรเลงเพลงแห่งพิธีกรรม  เพลงแห่งกาลปฐมฤกษ์  โห่ร้องประโคมชัย  เพลงสาธยายสังคีติแห่งสัจจะนิรันดร์  ทำนองสวดอันมุ่งด้วยสาระธรรม  เพลงขับร้องเพื่อกิจกรรมหรรษา  ตลอดจนเพลงนานาอิฏฐารมณ์ที่เกิดจากการปรุงแต่งเสียงตามความจริงในจินตนาการ  ให้เป็นเพลงเพื่อทิพยกรรมของจิตวิญญาณ  เป็นความอิ่มในจิตของบุคคล  และโอบอิ่มจากบุคคลที่รายรอบที่ร่วมรู้ในประกาศนียกรรมนั้น  ดนตรีจึงเป็นมหัศจรรย์สากลที่มีความเป็นนัยสำคัญในการสร้างส่วนสัมพันธ์ของจิตสัมบูรณ์.




นานาสาระ

ขิมไทย : ขิมโลก
เขียนโน้ตดนตรีไทย ด้วยโปรแกรม Exel
วิธีการผูกสายขิม article
นัยสำคัญของเพลงพิธีกรรม
ดนตรีในงานประเพณีปอยหลวงที่วัดสันดอนมูล เชียงใหม่
ดนตรีชนเผ่าที่เซกอง ประเทศลาว
เพลงพื้นบ้านบางเลน นครปฐม : พ่อเฒ่าบุญช่วง ศรีรางวัล
ทฤษฎีความสอดคล้องกับการวิจัยขั้นสูง
คุณค่าสุนทรียรส และสัจจศิลป์ที่ปรากฏในบทเพลง
ศิลปินบรรเลงเพลงไพเราะยิ่ง
ภวารมณียะ ที่อยู่ในทำนองเพลง
ทฤษฎี 5 เกลียวรู้ : แนวการวิจัยภาคสนาม
บรรเลงเพลงพิธีกรรม
การวิวัฒนาการของกีตาร์คลาสสิก
การเล่นเพลงบรรเลงประโคม
ดนตรีบวงสรวงเทพารักษ์ : เจ้าพ่อขุนทุ่ง
ราชทินนามของนักดนตรีไทย
ภูมิบ้านภูมิเมืองกับการปกป้องมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ
ISMI : การประชุมดนตรีศึกษานานาชาติ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
โครงการภูมิบ้านภูมิเมือง article
การสัมมนาการศึกษาดนตรีระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย article
การศึกษาดนตรีไทย article
การถ่ายทอดดนตรีในสถานศึกษา article



บ้านดนตรีครูสมชาย 929/12 k akachai Rd., mahachai muang ,samutsakhon 74000. TEL.081-3330147 Copyright © 2015 All Rights Reserved.